การพัฒนาอย่างยั่งยืน

Last updated: 6 พ.ย. 2561  |  2325 จำนวนผู้เข้าชม  | 

การพัฒนาอย่างยั่งยืน

สภาวะอากาศของโลกปัจจุบัน

    การเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง  และทวีความรุนแรงมากขึ้นในปัจจุบัน  ที่จริงแล้วเป็นกระบวนการรักษาตัวเองของโลกเพื่อให้ทุกอย่างกลับมาสู่สภาวะสมดุล  แต่เนื่องจากมนุษย์เร่งผลิตก๊าซเรือนกระจกมากเกินขีดความสามารถของโลกที่จะเยียวยาตนเองได้ทัน  จึงก่อให้เกิดสภาวะโลกร้อนอย่างรวดเร็วและรุนแรง

    ก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas)  เป็นชั้นบางๆ ของกลุ่มก๊าซ  ทำหน้าที่ดักและสะท้อนความร้อนที่โลกแผ่กลับออกไปในอวกาศให้กลับเข้ามาในโลกอีก  เป็นกลไกที่ทำให้โลกสามารถรักษาพลังงานความร้อนไว้ได้ เรียก ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect)  หากไม่มีก๊าซกลุ่มนี้  โลกจะไม่สามารถเก็บพลังงานไว้ได้  และจะมีอุณหภูมิแปรปรวนในแต่ละวัน  ก๊าซกลุ่มนี้จึงทำหน้าที่เสมือนผ้าห่มบางๆ ปกคลุมโลกที่หนาวเย็น

    แต่ในช่วงระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา กระบวนการผลิตหลายอย่างก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมากขึ้นในบรรยากาศ จากผ้าห่มบางๆ กลายเป็นผ้าห่มที่หนาขึ้น โลกไม่สามารถแผ่ความร้อนออกไปได้อย่างที่เคยเป็น เมื่อสมดุลของพลังงานเปลี่ยนไป อุณหภูมิของโลกจึงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าโดยเฉลี่ยแล้วอุณหภูมิของโลกจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นเริ่มปรากฏให้เห็นแล้วทั่วโลก ทั้งการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกซึ่งเป็นการเพิ่มปริมาณน้ำในมหาสมุทร ประกอบกับอุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น น้ำก็จะมีการขยายตัวร่วมด้วยทำให้ปริมาณน้ำในมหาสมุทรเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ การเกิดพายุหมุนที่บ่อยครั้งขึ้นและมีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากมหาสมุทรมีอุณหภูมิสูงขึ้น พลังงานที่พายุได้รับก็มากขึ้นไปด้วย

    ถึงแม้ว่าเราจะหยุดการผลิตก๊าซเรือนกระจกโดยสิ้นเชิงตั้งแต่ตอนนี้ แต่กว่าที่โลกจะปรับตัวเข้าสู่สภาวะสมดุลใหม่จะต้องใช้เวลานาน แน่นอนว่าสภาวะสมดุลใหม่ย่อมแตกต่างจากสภาวะปัจจุบันเป็นอย่างมาก สิ่งที่พอจะทำได้ในเวลานี้ คือ ช่วยกันลดผลกระทบอันร้ายแรงให้อยู่ในระดับที่สามารถรับมือได้ โดย ลดการผลิตก๊าซเรือนกระจก และเนื่องจากก๊าซเรือนกระจกมาจากกระบวนการใช้พลังงาน การช่วยกันประหยัดพลังงานจึงเป็นแนวทางหนึ่งในการลดอัตราการเกิดสภาวะโลกร้อนไปในตัว

เราจะช่วยโลกได้อย่างไร

    สมาร์ทคอนกรีต ทราบถึงผลกระทบของสภาวะโลกร้อน เราจึงได้คิดค้น วิจัย และพัฒนา และเลือกใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่ใช้พลังงานน้อยที่สุด ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด กระบวนการในการผลิต ผลิตภัณฑ์ของสมาร์ทคอนกรีต (ทั้ง อิฐเย็น สมาร์ทบล็อค และ บล็อคประสานมวลเบา สมาร์ทไอบล็อค) ไม่มีกระบวนการเผาในการผลิต จึงไม่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพิ่มเติมให้กับชั้นบรรยากาศ แตกต่างกับกระบวนการผลิตอิฐมอญ ที่กระบวนการหลักต้องใช้การเผาเป็นเวลานานอย่างน้อย 7 วัน สิ้นเปลืองทั้งวัสดุเชื้อเพลิง และเป็นผลเสียต่อชั้นบรรยากาศ ก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้น

    ที่สำคัญ ระหว่างกระบวนการผลิต  เราได้นำวัตถุดิบหลายอย่างกลับมาใช้ใหม่ ทั้งกลับไปเป็นส่วนผสมของกระบวนการผลิตอีกครั้ง หรือเป็นตัวตั้งต้นของการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ เรียกได้ว่า แทบจะไม่มีของเสียในการผลิตเลย เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าที่สุด

    นอกจากนี้ ทราบหรือไม่ว่า การใช้พลังงานไฟฟ้าภายในบ้านปัจจุบัน ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 16 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการออกแบบบ้านเพื่อประหยัดพลังงานเป็นสิ่งหนึ่งที่เราสามารถช่วยโลกใบนี้ได้ ทั้งในเรื่องของการวางทิศทางของบ้าน ทิศทางการไหลของลม การระบายอากาศ การส่องสว่างภายใน รวมถึงการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ช่วยประหยัดพลังงาน เนื่องจาก 70 เปอร์เซ็นต์ของความร้อนภายในบ้าน เกิดขึ้นจากการส่งถ่ายความร้อนผ่านทางผนัง และประมาณ 70 - 85 เปอร์เซ็นต์ เป็นการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าโดยเครื่องปรับอากาศ

    ผลิตภัณฑ์ของสมาร์ทคอนกรีต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อิฐเย็นสมาร์ทบล็อค เป็นวัสดุก่อผนังตัวหนึ่งที่สามารถช่วยเราประหยัดพลังงานได้ อิฐเย็นสมาร์ทบล็อค เป็น อิฐมวลเบาประหยัดพลังงาน ผลิตโดยกรรมวิธีที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่อชั้นบรรยากาศ มีฟองอากาศขนาดเล็กที่ไม่ต่อเนื่องกันจำนวนมากกระจายอยู่ภายใน นอกจากจะทำให้อิฐเย็นสมาร์ทบล็อคมีน้ำหนักเบา มีความสามารถในการกันเสียง ทนไฟได้นานกว่า 4 ชั่วโมงแล้ว ฟองอากาศเหล่านี้ยังช่วยป้องกันความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่จะผ่านผนังบ้านได้ดีกว่าผนังอิฐมอญ ถึง 4 - 8 เท่า ประหยัดพลังงานไฟฟ้ากว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่จะเกิดขึ้นได้

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้